วัดในสังฆมณฑล

 

 

164/5 ถ.มะลิวัลย์  ต.ในเมือง  อ.เมือง  จ.ขอนแก่น 40000

ตู้  ป.ณ.  24  อ.  เมือง  จ.  ขอนแก่น  40000  โทร  (043)  241014

ในปี  ค.ศ.  1958  ชุดบุกเบิกคณะสงฆ์พระมหาไถ่  ประกอบด้วย  คุณพ่อสมิท  คุณพ่อโกโตร และคุณพ่อแทรวิส ได้เข้ามาในเขต  ขอนแก่น  เช่าบ้านพักในเมือง  จากนั้นก็ออกเยี่ยมเยียนคนทั่วไปเท่าที่จะทำได้  คุณพ่อแทรวิสให้ความสนใจเขตบ้านน้อย  เนื่องจากมีผู้ป่วยโรคเรื้อนอาศัยอยู่เป็นชุมชนและเห็นว่าตรงกับงานของคณะคือ ผู้ถูกทอดทิ้งมากที่สุด ในขณะนั้น  จึงออกเยี่ยมเยียนคริสตชนสองครอบครัวที่อยู่ก่อนแล้ว  และที่สุดก็ได้มีคนสนใจที่จะมาเรียนคำสอนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คุณพ่อแทรวิสได้รวบรวมผู้สนใจประมาณ  24  คน  ร่วมสนทนากันใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง  และในเวลาเดียวกันก็สอนคำสอนอย่างจริงจัง  จนถึงปลายปีก็มีการโปรดศีลล้างบาป  ก่อนที่คุณพ่อชุดนี้จะถูกย้ายไปประจำที่อื่น  ในช่วงนี้ก็ได้มีการหาที่ๆจะสร้างวัด

เจ้าอาวาสและอธิการคนแรก

ในปี  ค.ศ.  1959  คุณพ่อกริฟฟิต เป็นทั้งอธิการบ้านและเจ้าวัดเขตขอนแก่น  คุณพ่อมอริสี  ดูแลที่เมืองเลย  และคุณพ่อแฮรี่  ไปดูแลบ้านไผ่  เมืองพล  แม้มาทำงานต่างที่กัน  ทั้งสามมาอยู่รวมกันที่ขอนแก่นอย่างเป็นทางการ  คุณพ่อกริฟฟิตนอกจากดูแลเขตวัดนักบุญเยราร์ดในเมืองแล้ว  ยังดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อนในเขตบ้านน้อยอย่างจริงจัง  จนได้สร้างวัดคอนกรีตหลังแรก

เจ้าอาวาสองค์ที่  2 (ไปโนนสมบูรณ์)

ในปี  1962  คุณพ่อโกโตรได้มาแทนคุณพ่อกริฟฟิต  ในช่วงนี้เองที่คุณพ่อโกโตรได้ขยายงานไปทาง บ้านโนนสมบูรณ์ ก่อนถึงขอนแก่น  22.5  กิโลเมตร  เพราะมีผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่มากเช่นกัน  จนถึงปี  1964  โครงการนิคมโรคเรื้อนได้ย้ายจากโรงพยาบาลสีฐาน  ไปยังโนนสมบูรณ์  อย่างเป็นทางการ

เจ้าอาวาสองค์ที่  3

ในปี  1964  คุณพ่อธีลี่ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าวัดบ้านน้อย  และดูแลเขตโนนสมบูรณ์ด้วยในเวลาเดียวกัน  ต่อมาคุณพ่อได้ขอให้บราเดอร์คอนนี่แห่งคณะพระมหาไถ่  มาสร้างวัดหลังใหม่ให้กับบ้านน้อยฯ  เนื่องจากมีคริสตชนมากขึ้น  บราเดอร์ได้นำเศษเหล็กที่ค่ายทหารอเมริกัน  ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีในขณะนั้น  มาสร้างเชื่อมต่อกันเป็นรูปทรงกลมรอบๆ  เป็นแผ่นเหล็ก  เหมือนรูปดอกบัวเริ่มบานบนฐานพื้นคอนกรีต

ส่วนอาคารวัดหลังเก่า  ก็ทำเป็นคลินิกสำหรับคนโรคเรื้อน  เนื่องจากสมัยนั้น  มีผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่รอบนอกของตัวเมืองขอนแก่น  และบ้านน้อยมีผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่รวมกันมากพอสมควร  แต่ไม่ต้องการอยู่ในนิคม  ในช่วงนี้คุณพ่อได้เชิญชวนนักบวชคณะต่างๆ  ให้เข้ามาช่วยงานอภิบาลตามจิตตารมณ์ของแต่ละคณะ

คณะนักบวชต่างๆ  ที่ได้รับเชิญ

ในปี  1964  ได้เชิญคณะพระกุมารเยซู  ให้เข้ามาช่วยพัฒนาด้านการศึกษา  โดยเฉพาะสำหรับเด็กหญิง  ในปี  1968  ได้เชิญบราเดอร์คณะเซนต์คาเบรียล  มาช่วยพัฒนาทางการศึกษาและฝึกอาชีพสำหรับเด็กชาย  ปี  1969  ได้เชิญคณะธิดาเมตตาธรรมจากฟิลิปปินส์  มาช่วยงานโรคเรื้อนและดูแลคนชราผู้ที่หายจากโรคเรื้อนแล้ว  และยังมีฆราวาสมาช่วยทำงานคลินิกสำหรับคนยากจนอีก  คือ  คุณบุญทับ  ไชยรา  คุณชะลอ  อาคมธน  ซึ่งเป็นพยาบาลจากกรุงเทพฯ  ในขณะที่ซิสเตอร์คณะธิดาเมตตาธรรม  ดูแลคลินิกผู้ป่วยโรคเรื้อน  ต่อมามีอาสาสมัครจากต่างประเทศเสริมอีกด้วย

ไปห้วยหินลาด

ในการอภิบาลผู้ป่วยโรคเรื้อนนี้  คุณพ่อธีลี่ได้ขยายงานของท่านไปทุกที่ที่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนอยู่  จึงได้ขยายงานไปทางบ้านห้วยหินลาด  ทีละเล็กทีละน้อย  ที่สุดในวันที่  28  มิถุนายน  ค.ศ.  1972  ท่านได้ล้างบาปหมู่  24  คน  และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของวัดห้วยหินลาดตั้งแต่นั้นมา  บัดนี้คุณพ่อได้เป็นเจ้าอาวาสดูแลสัตบุรุษทั้ง  3  แห่ง  คือ  บ้านน้อยโนนสมบูรณ์และห้วยหินลาด  แต่ละแห่งคุณพ่อก็เชิญชวนให้คณะนักบวชมามีส่วนแพร่ธรรมด้วย

เจ้าอาวาสองค์ที่  4 (ไปนิคมสร้างตนเอง)

ในปี  1973  คุณพ่อแลรี่  แพทติน มาเป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่แทนคุณพ่อธีลี่ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องสานงานต่อจากคุณพ่อธีรี่ที่เริ่มไว้มากมาย  ในเวลาเดียวกัน  คุณพ่อได้ติดตามผู้ป่วยจากโนนสมบูรณ์ที่ย้ายไปนิคมสร้างตนเองที่เขตน้ำพอง  จึงได้ไปเริ่มงานที่นั่นอีก  ในขณะที่ต้องพัฒนางานทางบ้านน้อย  คือเสริมสร้างกลุ่มคริสตชน  โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งได้เกาะกลุ่มช่วยงานวัดเป็นอย่างดี  จนเป็นรูปแบบที่ดีในเขตขอนแก่น

เจ้าอาวาสองค์ต่อๆมา

งานช่วงนี้ถึงจุดสูงสุดในการแพร่ธรรมเขตนี้  ดังนั้น  เจ้าอาวาสองค์ต่อๆมา  พยายามรักษาและประสานงานต่อให้ฐานแน่นขึ้น  ในปี  1981  คุณพ่อแพตทริก  มอริสี ได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาส  ในช่วงที่คุณพ่ออยู่นี้  คุณพ่อร่วมกับซิสเตอร์คณะธิดาเมตตาธรรม  ได้ขยายงานสำหรับเด็กพิการอีกด้วย

ปี  1987  คุณพ่อบรรจง  ไชยรา มารับหน้าที่ต่อ  จนถึงปี  1993  คุณพ่อบรรจง  ได้รับเลือกเป็นเจ้าคณะ  คุณพ่อธนู  กระทอง จึงมารับหน้าที่แทน  อยู่ได้ปีเดียว  คือจากปี  1993-1994  ก็ย้ายไปช่วยงานคณะที่กรุงเทพฯ  และคุณพ่อศิริชัย  เล้ากอบกุล ย้ายจากกรุงเทพฯมารับหน้าที่แทน

เริ่มต้นปี  1995  งานต่างๆ  การทำงานเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคเรื้อนได้บรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี  ตั้งแต่เปิดคลินิกโรคเรื้อนมาเป็นเวลา  25  ปี  ได้ให้บริการโรคเรื้อนกว่าสี่พันคน  จากจังหวัดต่างๆ  ถึง  17  จังหวัดทั้งใกล้และไกล  คือ  ขอนแก่น  อุดรธานี  หนองคาย  มหาสารคาม  กาฬสินธุ์  ร้อยเอ็ด  ยโสธร  อุบลราชธานี  สกลนคร  นครพนม  ชัยภูมิ  เลย  นครราชสีมา  เพชรบูรณ์  พิจิตร  ฉะเชิงเทรา  เนื่องจากโรคเรื้อนได้รับการเอาใจใส่อย่างดีและต่อเนื่อง  ผู้ป่วยที่อยู่ในการดูแลก็ลดลงมากในปี  1995  มีผู้ป่วยที่ทางคลินิกต้องติดตามผลเพียง  8  คน  และในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น  จึงได้ปิดคลินิกโรคเรื้อนลงในปลายปี  1994  และได้มอบผู้ป่วยรวมทั้งเอกสารให้กับศูนย์ควบคุมโรคเรื้อนเขต  6  ไปดูแลต่อ  ในขณะเดียวกันทางวัดยังให้ความสนับสนุนติดตามผล  และให้ที่อยู่ผู้ป่วยต่างถิ่นที่ต้องการเข้ามารับการรักษา  หรือพักฟื้นชั่วคราว  เป็นที่น่ายินดีว่าอีกสองปีข้างหน้ารัฐบาลจะประกาศให้ประเทศไทย เป็นประเทศปลอดโรคเรื้อน

งานที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

-  ติดตาม  และพัฒนาเสริมสร้างชีวิตหลังโรคเรื้อน  ทั้งทางด้านสังคม  เศรษฐกิจ  โภชนาการ                     และการศึกษา

-  ศูนย์กายภาพบำบัดสำหรับเด็กพิการ  ทั้งในและนอกสถานที่

-  สถานเลี้ยงคนชราทั้งผู้ป่วยและคนยากจน  ทั้งที่อยู่ที่บ้านคนชรานักบุญยอแซฟ  และอกไป                        นอกสถานที่

-  ด้วยการติดต่อเยี่ยมเยียนถึงบ้าน  มีการเลี้ยงอาหารเสริม  ให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนในนิคมโรคเรื้อน

-  มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน  และโรงเรียนมหาไถ่ศึกษา  บ้านน้อย  ระดับประถมศึกษา                     ซึ่งมีนักเรียน  360  คน  ครู  16  คน  ในเนื้อที่ร่วมกับวัดและคลินิก  ประมาณ  15  ไร่

-  ส่วนทางด้านวัด  มีคณะพลมารี  คณะวินเซนต์  เดอ  ปอล  และลูกแม่พระ  (ตั้งโดยคณะธิดาเมตตาธรรม)  เพื่อส่งเสริมชีวิตคริสตชนให้มีความศรัทธาต่อแม่พระ  โดยการเป็นคริสตชนที่ดี

มิสซาวันธรรมดา 06.30  น.

มิสซาวันเสาร์ 19.30  น.

มิสซาวันอาทิตย์ 07.30  น.

สถานที่ตั้ง ถนน  มะลิวัลย์  ห่างจากสี่แยกประมาณ  800  เมตร

ใกล้โรงพยาบาลประชาเวช

 

คาทอลิกมัลติมีเดี่ย

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner